วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สื่อการสอน การเขียนเรียงความ


            

ความหมายของเรียงความ

     เรียงความ เป็นงานเขียน ร้อยแก้ว ชนิดหนึ่งที่ผู้เขียนมุ่งถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้ ความคิด และทัศนคติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ด้วยถ้อยคำสำนวนที่เรียบเรียงอย่างมีลำดับขั้นและสละสลวย

องค์ประกอบของเรียงความ
                มี ๓ ส่วนใหญ่ ๆ คือ

คำนำ
                เป็นส่วนแรกของเรียงความ ทำหน้าที่เปิดประเด็น ดึงดูดความสนใจ พิถีพิถัน คำนึงถึงเรื่องที่ตนจะเขียน เน้นศิลปะในการใช้ภาษา

การเขียนคำนำ ควรยึดแนวทางต่อไปนี้

     § ไม่ยืดยาด เยิ่นเย้อ

     § ไม่ควรกล่าวถึงสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง

     § ไม่ควรซ้ำกับส่วนสรุปหรือความลงท้าย

     § อาจหาคำคม สำนวน สุภาษิต หรือบทกวีที่ไพเราะและเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมาเป็นคำนำก็ได้

เนื้อเรื่อง

               เป็นส่วนสำคัญและยาวที่สุดของเรียงความ ประกอบด้วย ความรู้ ความคิด และข้อมูลที่ผู้เขียนค้นคว้า และเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ ระเบียบ การเขียนเนื้อเรื่องเป็นการขยายความในประเด็นต่าง ๆ ตามโครงเรื่องที่วางไว้ล่วงหน้าแล้ว ในการเขียนอาจมีการยกตัวอย่าง การอธิบาย การพรรณนา หรือยกโวหารต่าง ๆ มาประกอบด้วย โดยอาจจะมีย่อหน้าหลายย่อหน้าก็ได้

การเขียนเนื้อเรื่องควรยึดแนวทางต่อไปนี้

         § ความถูกต้อง แจ่มแจ้งสมบูรณ์ ผู้อ่านสามารถเข้าใจเจตนารมณ์ของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรียกว่ามีสารัตถภาพ

        § ใจความสำคัญแต่ละย่อหน้า จะต้องมีเพียงใจความเดียว ไม่ออกนอกเรื่อง สับสน วกวน ซึ่งเรียกว่ามีเอกภาพ

       §  เนื้อหาในแต่ละย่อหน้าจะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันโดยตลอด ย่อหน้าที่มาหลังจะต้องเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับย่อหน้าที่มาก่อน ซึ่งเรียกว่ามีสัมพันธภาพ

สรุป

             เป็นส่วนสุดท้าย หรือย่อหน้าสุดท้ายในเรียงความแต่ละเรื่อง ผู้เขียนจะทิ้งท้ายให้ผู้อ่านเกิดความประทับใจ สอดคล้องกับเรื่องที่เขียน กระชับรัดกุม ซึ่งการเขียนสรุปมีหลายวิธี เช่น ฝากข้อคิด และความประทับใจให้ผู้อ่านย้ำความคิดสำคัญของเรื่อง ชักชวนให้ปฏิบัติตาม ให้กำลังใจแก่ผู้อ่าน ตั้งคำถามที่ชวนให้ผผู้อ่านคิดหาคำตอบ และยกคำพูด คำคม สุภาษิต หรือบทกวีที่น่าประทับใจ เป็นต้น การเขียนสรุปควรยึดแนวทางต่อไปนี้

          § เขียนสั้น ๆ ไม่เยิ่นเย้อ (ความยาวควรจะเท่า ๆ กับคำนำ)

          § อาจสรุปโดยการอ้อนวอน เชิญชวนหรือแสดงความคิดเห็น

          § ควรหลีกเลี่ยงคำขออภัย หรือคำออกตัวว่าผู้เขียนไม่มีความรู้

          § ไม่ควรเสนอประเด็นใหม่เข้ามาอีก

ขั้นตอนการเขียนเรียงความ

การเลือกเรื่อง
              หากจะต้องเป็นผู้เลือกเรื่องเองแล้ว ควรเลือกตามความชอบ หรือความถนัดของตนเอง

การค้นคว้าหาข้อมูล
              อาจทำได้โดยการค้นคว้าจากหนังสือ นิตยสาร วารสาร อินเทอร์เน็ต หรือสื่ออื่น


วางโครงเรื่อง

             เมื่อได้หัวข้อเรื่องแล้ว ต้องวางโครงเรื่อง โดยคำนึงถึงการจัดการ จัดลำดับหัวข้อเรื่องที่จะเขียนให้สัมพันธ์ ต่อเนื่องกัน เช่น

1. จัดลำดับหัวข้อตามเวลาที่เกิด

2. จัดลำดับหัวข้อจากหน่วยเล็กไปสู่หน่วยใหญ่

3. จัดลำดับตามความนิยม

                โครงเรื่องของงานเขียนควรจัดหมวดหมู่ของแนวคิดสำคัญเพื่อเป็นแนวทางในการเขียน โครงเรื่องเปรียบเสมือนแปลนบ้าน ผู้สร้างบ้านจะต้องใช้แปลนบ้านเป็นแนวทางในการสร้างบ้าน การเขียนโครงเรื่องจึงมีความสำคัญทำให้ผู้เขียนเรียงความเขียนได้ตรงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ ถ้าไม่เขียนโครงเรื่องหรือไม่วางโครงเรื่อง เรียงความอาจจะออกมาไม่ตรงตามที่ผู้เขียนต้องการ

การเรียบเรียง
                ตามรูปแบบของเรียงความ ตามองค์ประกอบ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป (บางคนอาจเขียนคำนำหลังสุดก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ซ้ำซ้อน)

ลักษณะของเรียงความที่ดี
              นอกจากต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง ๓ ส่วน คือ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป แล้วยังต้องมีลักษณะดังนี้อีกด้วย

เอกภาพ
              คือ ในแต่ละย่อหน้า ความคิดสำคัญต้องมีเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันกับหัวข้อเรื่อง

สัมพันธภาพ
              คือ ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันตลอดทั้งเรื่อง โดยจะต้องมีการวางโครงเรื่องที่ดี จัดลำดับย่อหน้าอย่างมีระบบระเบียบ เรียบเรียงด้วยคำเชื่อมที่เหมาะสม

สารัตถภาพ
              คือ มีเนื้อหาสาระที่สมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่องโดยในแต่ละย่อหน้า ประโยคสำคัญต้องชัดเจน ประโยคขยายมีน้ำหนักเชื่อถือได้ ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเน้นย้ำให้ประโยคใจความสำคัญมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น



ตัวอย่างเรียงความวันครู ตัวอย่างที่ 1



เรียงความวันครูนี้เขียนโดยนางสาวลิซาร์ สาอิ นักเรียนชั้น ปวช.1/1 สาขางานการประมง
รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการประกวดเรียงความในงานวันเคารพครู

 

          หากเราจะนึกถึงใครคนหนึ่งที่นอกจากคุณพ่อ และคุณแม่ของเรา ใครคนหนึ่งที่เขา คอยดูแลเรา คอยอบรม และมอบวิชาความรู้ให้กับเรา ใครคนหนึ่งที่ยอมเหนื่อย เพื่อเราโดยที่เขา ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ใครคนนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ครู”
 
          หลายคนได้ให้คำนิยามมากมายที่เกี่ยวกับคำว่า ครู บางคนเปรียบครูเป็นเหมือนกับแสงเทียน ที่คอยส่องแสงสว่างไปยังเส้นทางที่ดี บางคนอาจจะเปรียบครูเป็นเหมือนกับเรือลำหนึ่ง ที่จะนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางข้างหน้า ด้วยความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ละคนย่อมที่จะมีความต้องการครูในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ฉันเองก็มีความคิดและความคาดหวังที่อยากจะศึกษากับครูในอุดมคติของฉัน เช่นเดียวกัน ซึ่งครูในอุดมคติของฉันจะต้องเป็นครูที่มี จิตใจโอบอ้อมอารี สามารถให้ความรู้ กับนักเรียนนักศึกษา ได้อย่างเต็มที่ ดูแลเอาใจใส่นักศึกษาและคอยให้คำปรึกษาเวลานักศึกษามีปัญหาและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ สามารถสื่อสารกับนักเรียน นักศึกษาในขณะที่ทำการสอนได้อย่างเข้าใจ มีการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการสอน อยู่เสมอ เปิดโอกาส ให้นักเรียน นักศึกษาได้มีโอกาส แสดงความคิดเห็น และรับฟังความคิดเห็นเหล่านั้นมาทำการ ปรับปรุงแก้ไขการสอนของตนเอง
 
           สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครูในอุดมคติของฉันคือ ต้องเป็นครูที่มีคุณธรรม จริยธรรม และ มีหัวใจของการเป็นครู อย่างเต็มเปี่ยม เพราะสิ่งนี้จะเป็นหัวใจสำคัญให้แสงเทียน หรือ เรือลำนี้ สามารถ นำพา และช่วย ขัดเกลา นักเรียนนักศึกษาไปสู่จุดหมายปลายทาง และพบกับความสำเร็จของชีวิตพร้อมที่จะเป็น บุคลากรที่ดีของชาติต่อไปได้
 
           แม้ว่าครูในอุดมคติของฉันจะมีคุณสมบัติมากมาย แต่ข้างในลึก ๆ แล้วฉันก็หวังเพียงว่าครูทุกคนคงจะ เป็นครูที่พร้อมที่จะมอบวิชาความรู้ให้กับตัวฉันและนักศึกษาคนอื่นอย่างเต็มใจ สร้างความประทับใจ ให้กับตัวนักศึกษาได้ มิใช่ทำให้ฉันและนักศึกษาคนอื่นมองครูเป็น แค่เพียง เรือจ้างลำหนึ่ง หรือ เป็นแค่เปลวเทียนข้างทาง ที่ทำหน้าที่พาเราข้าม ไปสู่จุดหมายแล้วก็ลาจากกันไป โดยที่ไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่น่าจดจำและประทับใจติดตัวไปเลย

       









ที่มา http://laddawandada.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น